วันนี้จึงขอมอบของขวัญให้แก่ผู้อ่านผ่านตัวหนังสือ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวหลากหลายสาเหตุก่ออาการอัมพฤกษ์-อัมพาต เพื่อให้ทุกคนรู้เท่าทันและป้องกันได้ถูกวิธี
ต้นตอที่หลอดเลือด
อัมพฤกษ์-อัมพาต คำที่มักใช้เรียกอาการที่ร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้ ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าเป็นชื่อโรค แต่แท้ที่จริงแล้วอาการอัมพฤกษ์-อัมพาต มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการตามภาษาแพทย์ว่า “โรคหลอดเลือดสมอง” นั่นเอง
ดังนั้นความหมายที่แท้จริงของอัมพฤกษ์-อัมพาต คือภาวะที่ร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้เนื่องจากโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนการเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้นไม่ถือเป็นภาวะที่เกิดจากโรค แต่จะถูกจัดเป็นอาการอัมพฤกษ์-อัมพาตจากอุบัติเหตุ และมีอาการที่ต่างกัน
ทราบถึงคำจำกัดความของอัมพฤกษ์-อัมพาต กันแล้ว คราวนี้มาดูสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นต้นทางของการเกิดอาการอัมพฤกษ์-อัมพาต กันค่ะ
1.หลอดเลือดสมองตีบหรือตัน
เกิดจากการเสื่อมของผนังหลอดเลือดและมีไขมันหรือหินปูนมาจับ หรือเกิดลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันทำให้สมองบางส่วนขาดเลือดหรือตาย
2.หลอดเลือดสมองแตก
เกิดจากการแตกของหลอดเลือดสมอง ทำให้มีเลือดออกมาคั่งและทำลายเนื้อสมองบริเวณนั้น เมื่อเกิดความผิดปกติที่สมองจากสาเหตุข้างต้นแล้ว สมองจะถูกทำลายและไม่สามารถสั่งงานไปที่อวัยวะรับคำสั่งโดยตรงอย่างกระดูกสันหลังที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายได้ จึงส่งผลให้เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต
ส่วนจะเคลื่อนไหวร่างกายซีกใดไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับสมองซีกใดถูกทำลาย หากร่างกายซีกขวาขยับไม่ได้ แสดงว่าสมองซีกซ้ายโดนทำลาย(สมองซีกซ้ายควบคุมร่างกายซีกขวา-สมองซีกขวาควบคุมร่างกายซีกซ้าย)
ตรวจเช็ก 5 สัญญาณเตือน
ว่ากันว่าอัมพฤกษ์-อัมพาตนำมาซึ่งความเสียหายนานัปการ แต่กุญแจสำคัญก็คือ “เวลา” เพราะยิ่งถึงมือแพทย์เร็วเท่าไร ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้เท่านั้น ดังนั้นหากมีสัญญาณเตือนทั้ง 5 ข้อดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุดค่ะ
1.ใบหน้าและ/หรือร่างกายอ่อนแรงครึ่งซีก
2.ตาข้างใดข้างหนึ่งมัวหรือเห็นภาพซ้อน
3.พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง
4.เวียนศีรษะหรือหมดสติ
5.ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน
พฤติกรรมเสี่ยงโรค
หลายคนอาจมองว่าอัมพฤกษ์-อัมพาต เกิดขึ้นได้เฉพาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่นั่นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวค่ะ เพราะหากหนุ่มสาวคนใดมีพฤติกรรมเสี่ยงดังต่อไปนี้แล้ว โอกาสที่จะเป็นโรคนี้ก็มีมากไม่แพ้ผู้สูงอายุเช่นกัน
1.การดื่มสุรา
แอลกอฮอล์ในสุราถือเป็นตัวการหลักที่ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น หากดื่มเป็นประจำก็จะทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง และพัฒนาเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ในที่สุด
2.การสูบบุหรี่
นอกจากความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจแล้ว หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าสารนิโคตินในบุหรี่ส่งผลให้หลอดเลือดแดงเกร็ง ลดความยืดหยุ่นของเส้นเลือด และทำให้หลอดเลือดแคบลงจนนำไปสู่การตีบตันของเส้นเลือดค่ะ
3.รับประทานอาหารรสเค็ม
ผู้ที่ชอบรับประทานเค็มคงต้องระวังกันให้มากขึ้น เพราะโซเดียมที่มีในน้ำปลาและเกลือจะทำให้ร่างกายดูดน้ำจากเซลล์ต่างๆ มากขึ้นเพื่อเจือจางโซเดียม เมื่อมีน้ำในเลือดมาก แรงดันเลือดจึงสูงขึ้นซึ่งเป็นต้นตอของโรคความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดแข็งจากการรับแรงดันเลือดที่สูงเป็นเวลานาน
มีสถิติจากคุณหมอพบว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นโรคหลอดเลือดจากความดันโลหิตสูง เพราะอาหารที่รับประทานส่วนใหญ่ต้องจิ้มน้ำจิ้มรสเค็ม หรือซุปส่วนใหญ่จะต้องใส่ซอส ทำให้มีโซเดียมในเลือดมาก
4.นอนกรน
การนอนกรนทำให้สมองขาดออกซิเจน เมื่อไม่มีออกซิเจน สมองก็ทำงานไม่ได้และทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองข้นหนืดไหลเวียนไม่สะดวก จนอุดตันเส้นเลือด ในที่สุด แต่กรณีนี้จะมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไปและใช้ระยะเวลานาน ทางที่ดีผู้ที่มีปัญหานอนกรนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอาการนอนกรนไม่ให้ลุกลามดีกว่าค่ะ
5.ความเครียด
อีกหนึ่งตัวการที่มีแนวโน้มพบได้มากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะความเครียดจากการทำงาน หากทำงานติดต่อกันโดยไม่พักจะทำให้ความดันเลือดเพิ่มและหัวใจเต้นเร็วขึ้น มีรายงานจากคุณหมอว่าเคยพบคนไข้บางรายทำงานหนักถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน และอดนอนข้ามคืน เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าเป็นอัมพาตเลยก็มี
ทราบถึงพฤติกรรมก่อโรคกันแล้วใครที่รู้ว่ามีความเสี่ยงก็อย่าลืมปรับเปลี่ยนตามนะคะ เพราะคงไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่ากับตัวเราเอง ที่สำคัญเพื่อสุขภาพที่ดีตลอดปปีและตลอดไปค่ะ
ที่มา: นิตยสาร ชีวจิต ฉบับที่ 246