“ ซาไก”ยุคใหม่สู่แวดวงท่องเที่ยว
วันก่อนกรมการปกครองพาผู้สื่อข่าวจากส่วนกลางไปเยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ของเหล่าอส.ท่องเที่ยว ในจ.สตูล จำนวนนับร้อย ซึ่งแต่ละคนก็มีอาชีพเป็นของตนเอง แต่ด้วยใจรักและอยากทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมจึงมาสมัครเป็นอส.
”ลุงคนึง จันทร์แดง “ หรือที่เรียกกันคุ้นปากว่า”ป๋านึง” เป็นประธานอส.ท่องเที่ยว อ.มะนัง ที่คอยให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามต่างๆ เพราะป๋านึงเป็นผู้อาวุโสและยังกว้างขวางด้วย ความที่เป็นทั้งประธานชมรมล่องแก่งอ.มะนัง ประธานการท่องเที่ยวของอำเภอนี้
ฉะนั้นใครอยากรู้เรื่องท่องเที่ยวของอ.มะนัง ป๋านึงตอบได้หมด โดยเฉพาะเรื่องราวความเป็นมาของถ้ำภูผาเพชร ซึ่งแกเป็นคนหนึ่งที่ร่วมบุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวแห่งนี้จนเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยว พูดได้ว่าใครไปสตูลแล้วไม่ได้ไปเหยียบถ้ำนี้ถือว่ายังไปไม่ถึง และน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งเพราะตั้งแต่เที่ยวถ้ำในประเทศเรามาหลายแห่ง รับประกันได้ว่าถ้ำนี้สวยไม่แพ้ถ้ำมีชื่อใดๆในโลก ที่สำคัญเข้าไปแล้วหายใจสะดวกสบายไม่เหม็นอับชื้นหรือมีกลิ่นเหม็นของขี้ค้างคาว แถมตอนเข้าปากถ้ำก็ตื่นเต้นสุดๆเพราะต้องก้มหัวมุดเข้าไป ใครตัวอ้วนตัวใหญ่อาจจะลำบากหน่อย
จากการค้นพบหลักฐานร่องรอยประวัติศาสตร์ ประมาณว่าถ้ำนี้ซึ่งอยู่ที่ ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง เมื่อกว่า 3,000 ปีมาแล้วเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ภายในถ้ำ เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างสารพัน แล้วแต่ใครจะจินตนาการว่าเป็นรูปอะไรบ้าง มีการแบ่งเป็นห้องๆ ประมาณ20 ห้อง และตั้งชื่อต่างๆกัน อาทิ ห้องผ้าม่าน ห้องปะการัง ห้องเห็ด ห้องเจดีย์ ห้องโดมศิลาเพชร ฯลฯ
ช่วงที่ขึ้นไปเที่ยวถ้ำภูผาเพชรนี้ ป๋านึงไม่ได้มาคนเดียว ยังพา”กำนันไข่” และพรรคพวกซาไกอีกหลายคนมาด้วย พร้อมกับโชว์การเป่าลูกดอกให้เห็นกันจะจะว่าหนุ่มซาไกนั้นเจ๋งขนาดไหน ใครชี้ลูกโป่งใบไหน หนุ่มซาไกเป่าถูกเป้าตรงไม่มีพลาด แตกเป็นว่าเล่น แม่นจริงๆ
ไหนๆมาเจอซาไกสักที มาฟังจากปาก”ป๋านึง”กันดีกว่า แล้วจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ซาไกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจท่องเที่ยวในจ.สตูลแล้ว
“ก่อนผมจะบุกเบิกถ้ำภูผาเพชร ที่นี่เป็นพื้นที่สีแดง ทางรัฐบาลใช้เครื่องบินมาปราบปรามคอมมิวนิสต์ประมาณ ปี 2514 – 2517 จนถึงปี 2525 ก็หยุด พวกซาไกก็ล้มตายไปเยอะ พวกนี้คิดว่าไข่ระเบิด เขาก็เริ่มถอยออกมาหาคน ก็เริ่มรู้จักกับผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมชอบเป็นผู้ให้เวลาเจอกันที่ไหนผมก็ให้เงินให้ของ หลังจากนั้นผมไปบุกเบิกถ้ำภูผาเพชร ผมก็ไปขอเมียให้พวกซาไก จัดงานแต่งงานวันวาเลนไทน์แต่งหน้าถ้ำภูผาเพชร
ผมจริงใจกับเขามาตลอด คนส่วนใหญ่จะโกหกเขา หลอกใช้เขามาเรื่อย ๆ เขาเลยกลัว เวลาที่พวกซาไกเจ็บป่วยไม่สบายผมก็พาไปอนามัย ไม่มีข้าวสารก็ลงมาเอาที่ผม ไปตลาดไม่มีเงินผมให้ จนถึงปัจจุบันเขาอยู่กับผมประมาณ 10 ปีแล้ว มีประมาณ 100 คน(ป๋านึงมีโฮมสเตย์และมีเรือให้บริการ สนใจโทร 086-2876041, 086-4832821)อยู่ประมาณ 1 ปีแล้วก็หายไป แต่ตอนนี้ 3 ปีแล้วไม่หายไปไหนเลย เขาอยู่ในป่าแต่ก็ติดต่อผม กลางคืนไม่สบายผมก็จะพาเขาไปส่งโรงพยาบาล คนพวกนี้เขาต้องการคนที่จริงใจต่อเขา ไม่โกหกเขา ปัจจุบันในพื้นที่น่าจะมีประมาณ 200 คน
ผมเคยเข้าไปหาเขาในป่า เขาจะอยู่ติดกับสายน้ำ ชุดที่อยู่ฝั่งมะนังท่านนายอำเภอให้คนมาทำประวัติถ่ายรูปเพื่อจะทำเรื่องขอให้มีบัตรประชาชน มีคนหนึ่งมาทำงานพายเรือกับผม เขาพายเรือ 4 เดือนมีเงินเก็บ 30,000 บาท
วิถีชีวิตของพวกซาไกยังเหมือนเดิม ใช้ชีวิตในป่าเหมือนเดิม ที่นอนเหมือนเดิม แต่ต้องการเงินซื้อของ ใส่เสื้อผ้าเหมือนเรา ส่วนใหญ่ได้จากการบริจาค ที่ผมเอาเขามาเลี้ยงไว้เพราะเผื่อว่าในอนาคตป่าหมดพวกเขาจะเป็นภาระต่อสังคม กลุ่มที่ขับรถเครื่องเป็นก็จะขับรถเครื่อง คนที่ขับไม่เป็นก็จะมีคนพยายามดึงออกมาข้างนอกเป็นเครื่องมือของคนที่ไม่หวังดี
เขาไม่ชอบให้คนเรียกซาไก ชอบให้เรียกว่า”มานิ” มากกว่า มานิ หมายถึง คนป่าหรือชาวป่า ที่ผ่านมาถ้าเขาไม่เดือดร้อนจะไม่เคยขอร้องใคร ฝนตกฟ้าร้องแดดออกน้ำท่วมไม่เดือดร้อนไม่เคยขอร้องให้ใครช่วย
ที่บ้านเขาจะเรียกว่าทับ เอาไม้ 2 อันปักแล้วเอาใบไม้มาทับ ๆ ทำที่นอน เวลาเขานอนจะเอาเพิงทับแล้วเอาเท้าไปไว้ข้างใน ลูกเขาก็คลอดเองไม่ต้องไปโรงพยาบาล
ยาสมุนไพรของเขาเรียกไอ้เหล็ก บางชนิดเขาเอามาผูกเอวแก้ปวดดีมาก ของดีอีกอย่างหนึ่งคือน้ำผึ้ง เวลาหน้าน้ำผึ้งเขาจะนำน้ำผึ้งมาขาย
บางพวกที่ออกมาอยู่กับคนคือพวกที่ไม่กลัวคน กลุ่มที่กลัวคนก็ยังเหมือนเดิม มีคนหนึ่งชื่อกำนันไข่ก็ติดต่อกับผู้คน ถ้าใครขึ้นไปแล้วไม่มีกำนันไข่ไปด้วยเขาจะวิ่งเข้าทับกันหมด กำนันไข่พูดไทยได้ ลูก ๆ เขาพูดไทยได้ทุกคน
ถ้าจะให้เขาถ่ายรูปด้วยเขาก็จะถ่ายด้วย แล้วก็ให้เงินเขาก็จะเอาเงินไปซื้อข้าวสาร เพราะของป่าเริ่มหายากแล้ว เขาจะอยู่ไม่เป็นที่ แต่พวกกำนันไข่จะอยู่กันเป็นที่เพราะผมไปขอหน่อกล้วยจากอำเภอมะนัง หามะพร้าว หาดีปลีให้ปลูก เพื่อให้เขาได้ทำมาหากินเพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ ผมเชื่อว่าอีกหน่อยเขาจะเป็นภาระของสังคม
กลุ่มที่ขับรถเครื่อง เวลาตำรวจโบกมือให้จอด เขาจะไม่จอดเพราะว่าเขาไม่รู้จัก บางกลุ่มเขามีคนให้ที่เขาก็จะอยู่กับที่เป็นคนกรีดยาง บางกลุ่มหาตัวนิ่มขายเพราะได้ราคาดีกิโลละ 2,500 บาท เขาเป็นนักล่าที่เก่งมาก เขารู้หมด ถ้าหน่วยราชการไม่สนใจ ผมกลัวพวกที่ไม่หวังดีให้เขาไปค้ายาบ้า ซื้อปืนให้เขาไปล่าสัตว์ ไปตัดต้นไม้ น่ากลัวมาก
เท่าที่ผมดูวิถีชีวิตเขาคงไม่เปลี่ยน ที่จะเปลี่ยนก็มีวัยรุ่นไม่กี่คน คนที่อยู่กับผม เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ส่วนตัวกำนันไข่มีเมีย 3 คน ลูก 15 คน แต่ตอนนี้เหลือคนเดียวเพราะให้เพื่อนไปหมด ถ้าใครมีเมียหลายคนแล้วมีคนอื่นมาชอบก็ให้ไป เขาจะเป็นแบบนั้น ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกัน คนกลุ่มนี้มีข้อเสียคือขี้อาย กลัวคน ถ้าเขาไม่ขี้อายผมจะฝึกอะไรให้เขาอีกหลายอย่างเพื่อให้เขาหาเงินไปเลี้ยงครอบครัว
เรื่องตำแหน่งกำนันไข่นั้นเขาแต่งตั้งกันขึ้นมาเอง ท่านนายอำเภอคนปัจจุบันให้เจ้าหน้าที่ของอำเภอมาทำประวัติ ผมแนะนำว่าถ้าเขาอยู่ฝั่งมะนังน่าจะให้ใช้นามสกุลศรีมะนัง เพื่อว่าเวลาไปที่ไหนถ้าเขาหลงไปจะได้ทราบว่ามาจากมะนัง
ถ้าใครมาที่โฮมสเตย์ผม จะให้ซาไกโชว์การเป่าลูกดอก สิ่งที่ผมประทับใจพวกซาไกคือเขามีความจริงใจที่สุด”