[x] ปิดหน้าต่างนี้
วันที่ ๒๖ มิถุนายน วันต่อต้านยาเสพติดโลก ขอให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่องสร้างการรับรู้เนื่องในวันยาเสพติดโลก
Home
รู้จักเรา
กิจกรรม ประชาสัมพันธ์
ปฏิทินปฏิบัติการ
Webboard
บทความสาระน่ารู้
ศรช.แหล่งเรียนรู้
ติดต่อเรา
เข้าระบบ
"โสม" เพิ่มพลัง
โดย :
บอส
เมื่อวันที่ :
พุธ ที่ 27 เดือน กรกฏาคม พ.ศ.2565
"โสม" เพิ่มพลัง
แค่ได้ยินชื่อก็แทบจะไม่สงสัยแล้วถึงความเป็นยาบำรุงกำลังชั้นเลิศเพราะโสม หรือ Ginseng
มีชื่อเสียงมานานกว่าสองพันปีรู้จักกันทั่วทั้งในเอเชียและยุโรปหลายคนพอได้ยินชื่อนี้จากขวดยาบำรุง ผสมในเครื่องดื่มหรือเครื่องสำอาง ก็คงนึกอยากซื้อมาลองดูบ้างว่าจะจริงอย่างสรรพคุณไหม
ต้นโสม
"โสม" เป็นรากของต้นโสมที่มีลำต้นสูงประมาณ 1 เมตร เป็นพืชล้มลุกที่ปลูกยาก ชอบอากาศหนาวเย็นอย่างสม่ำเสมอ ไกลทะเล ดินและน้ำต้องไม่มีมลพิษจึงจะปลูกได้ดี ส่วนที่นำมาทำยาบำรุงก็คือส่วนรากซึ่งอยู่ลึกลงไปประมาณ 1 ฟุต รากนี้จะอวบฮั่นตั้งแต่ปลูกได้นาน 3 ปีแต่จะสะสมตัวยาและใช้ได้ดีที่สุดเมื่ออายุ 6 ปีและด้วยความที่ชอบอากาศหนาวเย็น ถิ่นกำเนิดที่พบครั้งแรกคือในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน และบนภูเขา จัดเป็นสมุนไพรบำที่หายาก และนำาจะมีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่ได้เสวย
รากอวบๆ ของโสมที่ชุดขึ้นมาได้นี้จะถูกนำมาล้างให้สะอาด แล้วตากแห้งเพื่อให้น้ำระเหย
ออกไปซึ่งจะเก็บได้นานขึ้น โสมมีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม นำมาสไลซ์เป็นแผ่นบางๆก็นำไปใช้ได้เลย ทั้งผสมในอาหาร ผสมในตำรับยาเรียกว่า โสมขาว แต่ถ้านำรากโสมไปนึ่งผ่านไอน้ำที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสเพื่อทำลายเอนไซม์และฆ่าเชื้อรา จะมีสีแดงอมน้ำตาล เรียกว่ โสมแดง ซึ่งมีสรรพคุณในการบำบัดโรคต่างๆ มากกว่าโสมขาวและแน่นอนว่ราคาแพงกว่าด้วย
โสมที่เรามักได้ยินกันคือ โสมจีน โสมเกาหลีโสมญี่ปุ่น ซึ่งถูกเรียกตามแหล่งที่ปลูก ถ้าปลูกในเกาหลีจะเรียกว่า โสมเกาหลีหรือโสมคน (Korean Ginseng) เนื่องจากลักษณะของรากซึ่งอ้วนอวบ
ใหญ่ ปลายรากเรียวลงเหมือนขาคนจึงเรียกว่าโสมคน ด้วยความที่โสมเกาหลีและโสมจีนได้รับความนิยมและมีชื่อเสียง บางคนจึงไม่รู้ว่าในสหรัฐอเมริกาที่ภูมิอากาศหนาวเย็นก็มีต้นโสมเหมือนกัน โดยครั้งแรกที่พบคือในประเทศแคนาดา ก่อนที่จะนำมาปลูกในแถบตะวันออก-เฉียงเหนือของอเมริกาและเรียกกันว่า โสมอเมริกาในประเทศไซบีเรียซึ่งจัดว่หนาวที่สุดก็มีต้นใสมและเรียกว่า โสมไซบีเรีย แต่ด้วยความที่คงจะไกลมาก ไม่เป็นที่นิยม และไม่ได้ปลูกเพื่อการค้าคนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยรู้จัก แม้แต่ใสมอเมริกา
ก็ยังไม่แพร่หลายมากในแถบเอเชีย และมักจะนำมาทำเป็นเครื่องดื่มมากกว่ทำอาหาร
ในทางทฤษฎียาจีน โสมอเมริกาถูกจัดเป็นยาเย็นหรือหยิน (V๗) ในขณะที่โสมจีนจัดเป็นหยาง (Yang! หรือยาร้อน เพราะะนั้นเวลาไปหาหมอจีนและถามว่กินโสมได้ใหม หมอก็มักจะตามว่าโสมอะไรเพื่อแนะนำให้คุณกินตามธาตุของร่างกาย
ยาบำรุงร่างกายชั้นเยี่ยม
ชื่อเสียงของโสมที่โดดเด่นคือไม่ได้เป็นยารักษาโรคแต่เป็นยาบำรุงขนานเอกที่ไปช่วยปรับส่วนต่างๆในร่างกายให้เกิดความสมดุลจนร่างกายแข็งแรงในรากโสมอันอวบอั้นเหมือนขาคนตังกล่าวไปนั้นในทางพฤกษศาสตร์มีชื่อว่า Panax Ginseng C.A. Meyer คำว่า "Panax" มาจากคำว่า"Panacea" แปลว่า รักษาได้สารพัดโรค ในตำรับยาจีนได้กล่าวถึงสรรพคุณของโสมว่ช่วยทำให้อวัยวะภายในเป็นปกติ สงบ ไม่มีอารมณ์หวั่นไหวไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้สุขภาพดี ดวงตาแจ่มใส จิตใจแช่มชื่น เพิ่มความฉลาด คุณสมบัติอันมากมายนี้เองโสมจึงจัดเป็น "Adaptogen" คือสารที่ช่วยปรับให้ร่างกายมีประสิทธิภาพตามต้องการ
ในทางเภสัชวิทยาวิเคราะห์ว่า รากโสมมีองค์ประกอบทางเคมีที่ชับซ้อน ที่สำคัญคือเป็นกลุ่มสารประกอบอินทรีย์ในกลุ่มซาโปนิน (Saponin) ที่มีชื่อเรียกรวมๆ กันว่า "จินเซโนไซด์" (Ginsenosides) ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้วว่ามีกว่า 50 ชนิด และยิ่งมีมากก็ยิ่งมีประโยชน์กับร่างกาย เช่น ต่อต้านอนุมูลอิสระควบคุมกระบวนการสร้างเม็ดเลือด ฯลฯ
โสมมีสรรพคุณเด่นๆ หลายประการอาทิ ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการทำงานของร่างกายให้สูงขึ้น เนื่องจากโสมมีคุณสมบัติในด้านการด้านความเมื่อยล้ อาจจะด้วยการทำงานร่วมกับกลไกหลายๆ อย่างของร่างกาย เช่น เพิ่มการดูดซึมออกซิเจนที่ผนังเซลล์ เซลล์จึงสามารถสร้างพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความอ่อนล้าทำให้ร่างกายสะสมพลังงานมากขึ้น
นอกจากนี้โสมยังช่วยปรับการเต้นของหัวใจให้กลับสู่ภาวะปกติ ร่างกายจึงเหนื่อยน้อยลงผู้ป่วยสูงอายุเมื่อได้กินโสมเป็นอาหารเสริมจึงหายป่วยได้อย่างรวดเร็วและกลับมามี
กำลังวังชาเพิ่มขึ้น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เชื่อว่า
โสมช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
อีกหนึ่งคุณสมบัติของโสมคือ ช่วยต้านความเครียด โดยไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่มีผลป้องกันและลดความเครียดจากต่อมใต้สมองและยังกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกคึกคัก มีชีวิตชีวา และกระปรี้กระเปร่าโดยไม่ทำให้เกิดการอ่อนเพลียหรืออ่อนล้าตามมาเหมือนยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลางอื่นๆ
สล็อต
นอกจากนี้โสมยังมีฤทธิ์เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายด้วยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแบบไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งเชื่อว่ามีผลในการต่อต้านมะเร็งด้วย และสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน โสมมีคุณสมบัติลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เพราะจินเซโนไซด์บางชนิดในโสมมีฤทธิ์เหมือนอินซูลินจึงไปกระตุ้นต่อมในตับอ่อนให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ จนผู้ป่วยบางรายไม่จำเป็นต้องใช้อินซูลินและสามารถหายขาดจากโรคเบาหวานได้
สรรพคุณของโสมที่โด่งดังจนแทบทุกคนห้ามใจไม่อยู่คือ ช่วยรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาว และช่วยชะลอความชรา เพราะโสมมีฤทธิ์ทำลายอนุมูลอิสระซึ่งมีอานุภาพทำลายเนื้อเยื่อต่างๆ ให้เสื่อมสลายลงก่อนเวลาอันควรซึ่งเชื่อกันว่ามีผลทำให้เกิด "ความชรา" และเมื่อผนวกกับคุณสมบัติอื่นๆ ที่มีประโยชน์ โสมจึงช่วยให้เราแก่ช้าลงหรือรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้ยืนยาวนั่นเอง
อาจกล่าวได้ว่าโสมเป็นสมุนไพรที่ใครๆก็ปรารถนาอยากกิน แต่มีข้อกำหนดว่าควรกินวันละ 0.5-2 กรัมวัน (รากแห้ง) เท่านั้นเพราะมีรายงานว่ถ้ากินมากไปอาจทำให้เส้นเลือดในสมองอักเสบได้ และไม่ควรกินต่อเนื่องติดกันเป็นเวลานานๆ ต้องเว้นช่วงบ้างและไม่ควรกินผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น
น้ำส้ม น้ำมะนาว ควบคู่กับการกินโสม
ด้วยสรรพคุณที่มีประโยชน์นานัปการนี้เองชื่อเสียงของโสมที่มีมายาวนานนับสองพันปีจึงยังไม่เสื่อมคลาย จนอาจจะกลายเป็นตัวยาอมตะก็ใด้ในโลกปัจจุบันที่ผู้คนต่างหันมาสนใจแนวธรรมชาติบำบัดกันมากขึ้น
https://berlin55.com/
เข้าชม : 142
Re หัวข้อ :
รูปประกอบ :
Limit 100 kB
ไอคอน :
ใช้ไอคอน
ปิด
รายละเอียด :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้
ชื่อของท่าน :
สตูล สงบ
สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดสตูล
168 หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขุ
ด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล 91000 โทรศัพท์ : 074-711449
โทรสาร :
074-721
413
E-mail : stn_it@dole.go.th
Powered by
MAXSITE 1.10
Modify by นิกร เกษโกมล Version 2.05